หนุ่มใหญ่ลูกจ้างทำความสะอาดสวนรุกขชาติที่ระยอง ขี่ซาเล้งถูกกิ่งสนหักตกลงมาปักอกซ้ายตายคาที่ ทีแรกชาวบ้านบอกเป็นเรื่องของความโชคร้าย ที่คนจนๆ ตายไปแล้วก็แล้วกัน แต่อุปนายกสภาทนายระบุ เป็นความผิดละเมิด พร้อมส่งทนายไปฟ้องให้...
จากเหตุการณ์ เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 3 ก.พ. 59 ที่ผ่านมา พ.ต.ต.วิรัตน์ ยอดเสาร์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.เพ จ.ระยอง ไปพลิกศพผู้เสียชีวิตบนถนนสาย เพ-แกลงกร่ำ ม.4 ต.แกลง อ.เมือง จ.ระยอง พบศพนายส่วน เล็กรัตน์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/11 ม.4 ต.แกลง อ.เมือง จ.ระยอง ทำงานเป็นลูกจ้างทั่วไป ทำความสะอาดที่ สวนรุกขชาติบ้านเพ ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง เสียชีวิตอยู่บนถนน และห่างไปประมาณ 70 เมตร มีรถจักรยานยนต์ต่อเป็นสามล้อพ่วงข้าง ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ 125 สีน้ำเงิน ทะเบียน ขคร 881 ระยอง ชนต้นสนอยู่ข้างทาง หน้ารถหันไปทางบ้านกร่ำ
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุมีทั้งคนที่มองว่า เป็นเรื่องราวความซวยของคนจนที่ตายแล้วก็แล้วกันไป หรือน่าจะถือเป็นความบกพร่องของหน่วยงานรัฐ ที่ต้องรับผิดในความตายของประชาชน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 4 ม.ค. นายสุนทร พยัคฆ์ อุปนายกสภาทนายความ ได้กล่าวกับผู้สื่ข่าวว่า ในความเห็นส่วนตัว เรื่องนี้ไม่ใช่ความซวยของชาวบ้านคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเหตุละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งมาตรา 434 วรรคสอง บัญญัติไว้ใจความว่า "ถ้าความเสียหายเกิดจากโรงเรือนสิ่งก่อสร้างชำรุดบกพร่อง หรือบำรุงรักษาที่ไม่เพียงพอ ผู้ครองจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่ถ้าผู้ครองใช้ความระมัดระวังตามควรปัดป้องไม่ให้เกิดความเสียหาย ผู้เป็นเจ้าของจำต้องใช้สินไหมทดแทน" โดยบทบัญญัตินี้ใช้บังคับกับการปลูก หรือค้ำจุนต้นไม้หรือกอไผ่ด้วย
นายสุนทร กล่าวว่า ต้นสนดังกล่าวน่าจะอยู่ในความรับผิดชอบ ในการดูแลรักษา และปลูกโดยเทศบาล ซึ่งเป็นผู้ครองหรือเจ้าของ ดังนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ของเทศบาลซึ่งมีหน้าที่ออกตรวจตราดูว่ามีต้นไม้กิ่งแห้งทำท่าจะก่อให้เกิดอันตราย ก็ต่องปัดป้องโดยตัดออกเสีย หรือมีป้ายเตือน หรือตัดแต่งให้เกิดความปลอดภัย แต่กลับประมาทเลินเล่อไม่ตรวจตราไม่ตัดแต่ง หรือกระทำการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย เมื่อกิ่งไม้หักหล่นลงมาเสียบอก นายส่วน จึงไม่ใช่เรื่องความซวย แต่อาจเกิดกับใครก็ได้ ยิ่งข่าวระบุว่า กิ่งไม้แห้งหล่นลงมาเป็นประจำเคราะห์ดีไม่มีใครโดน ยิ่งแสดงว่า เจ้าหน้าที่ของเทศบาลไม่ระมัดระวัง ดังนั้น เทศบาลต้องเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหาย โดยฟ้องเป็นคดีละเมิดตามมาตรา 420 และ 434 วรรคสอง ประกอบมาตรา 448 คือ ต้องฟ้องใน 1 ปี
อุปนายกสภาทนายความ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม คดีนี้มีลักษณะเป็นคดีละเมิดอันเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงต้องอาศัยช่องทางตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐพ.ศ. 2539 โดยต้องฟ้องต่อศาลยุติธรรม ไม่ใช่ฟ้องต่อศาลปกครอง กล่าวคือฟ้องที่ศาลจังหวัดระยองนั่นเอง โดยให้ญาติผู้มีส่วนได้เสีย บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายมาร้องขอความช่วยเหลือที่สภาทนายความ ตนจะจัดทนายความไปช่วยเหลือทันที
"ถ้าชาวบ้านพบกิ่งไม้ ต้นไม้ ที่มีลักษณะอันตรายหวาดเสียว เกรงว่าจะโดนเข้ากับตัวเอง จะเข้าไปตัดแต่งให้เรียบร้อยโดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่เทศบาลก็ย่อมทำได้ ไม่ถือเป็นความผิดฐานทำลายทรัพย์สาธารณะ เพราะขาดเจตนา และกระทำเพื่อป้องกันภัยตรายที่ใกล้จะถึงตัว" นายสุนทร กล่าว.

Tag :
New
0 Comment "คดีสุดแปลก กิ่งสนตกเสียบอกตาย! ทนายชี้ไม่ใช่ความซวย แต่เข้าข่ายละเมิด"